ลุงแท็กซี่วัย 72 ปีเคลื่อนไหวแล้วหลังมีดราม่าไม่ยอมจ่ายหนี้

หลังจากที่มีกระแสดราม่าออกมามากมายเมื่อทางเจ้าของอู่ที่ลุงขับรถแท็กซี่วัย 72 ปีเคยเช่ารถแท็กซี่ในการนำมาขับนั้นได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวว่าพี่ลงขับรถแท็กซี่ด้วยเคยให้ข่าวและให้สัมภาษณ์กับทางนักข่าวทั้งหลายเกี่ยวกับครอบครัวว่าไม่มีญาติพี่น้องไม่มีใครเลี้ยงดู

และอยู่ตัวคนเดียวซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริงเพราะลุงขับรถแท็กซี่ยังคงมีลูกสาวและลูกชายที่คอยเลี้ยงดูอยู่รวมถึงบ้านที่ลุงอยู่นั้นก็เป็นบ้านของภรรยาดังนั้นสิ่งที่คุณขับรถแท็กซี่ร้องไห้ออกมาและเรียกร้องความสนใจจากชาวโซเชียลนั้นจึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดซึ่งหลังจากที่ลุงขับรถแท็กซี่ได้เงินบริจาคไปถึง 8 ล้านบาทแล้วก็หายไปเลย

เจ้าหนี้ทั้งหลายต่างก็พยายามติดตามทวงหนี้แต่ลุงขับรถแท็กซี่ก็ไม่มีมาใช้หนี้ให้กับใครรวมถึงที่เคยรับปากไว้ว่าจะมีการนำเงินบริจาคนั้นไปช่วยเหลือทางมูลนิธิต่างๆก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทำแต่อย่างใดล่าสุดกระแสดราม่านี้ส่งผลไปถึงลุงขับรถแท็กซี่แล้วเพราะวันนี้วันที่ 13 เดือนพฤษภาคมปี พ.ศ. 2563

การเผยแพร่ข้อมูลผ่านทาง facebook หนึ่งโดยระบุว่าตนเองนั้นเป็นญาติของชายวัย 72 ปีที่ขับรถแท็กซี่หรือที่เราเรียกกันว่าลงสิทธิชัยนั้นเองตอนนี้ได้มีการติดต่อกับทางเจ้าของอู่รถแท็กซี่เพื่อทำการขอใช้หนี้สินที่เคยมีการยืนกันมาแล้วรวมถึงได้มีการนำเงินไปบริจาคให้กับมูลนิธิเพื่อคนขับแท็กซี่ซึ่งมูลนิธินี้ลงสิทธิชัยมีการบริจาคให้ถึงหนึ่งแสน บาทด้วยกัน

และยังมีการบริจาคให้กับเจ้าของอู่ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอู่ที่ลุงขับรถอยู่อีก 1 แสนบาทรวมถึงที่เคยรับปากไว้ว่าจะมีการบริจาคอุปกรณ์ดับไฟป่าของที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นกรุงศรีวิชัยก็ได้มีการบริจาคให้ หนึ่งแสนบาทด้วยกันและยังมีบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์อีกหนึ่งแสน บาทด้วยกันรวมทั้งสิ้นนี้สิทธิชัยได้มีการนำเงินออกมาบริจาคถึง สี่แสน บาท

เพื่อต้องการหยุดกระแสดราม่าที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้เพราะว่าหลังจากที่เจ้าของอู่ได้ออกมาพูดเรื่องราวดังกล่าวที่เป็นข้อมูลที่ไม่ตรงกับที่ลงสินชัยเคยให้สัมภาษณ์ไว้ชาวโซเชียลต่างก็ไม่พอใจกันเป็นอย่างมากเพราะหลายคนมีความสงสารในตัวลุงจึงได้มีการโอนเงินเข้าไปช่วยซึ่งภายในวันเดียวลุงได้เงินรัฐช่วยเหลือนั้นถึง 8 ล้านบาทด้วยกัน

แต่อย่างไรก็ดีการที่ลุงพึ่งมาออกมาบริจาคยอดเงินต่างๆในช่วงเวลานี้ทำให้หลายคนมองได้ว่าลุงกำลังถูกสังคมกดดันจึงจำเป็นต้องออกมาบริจาคเงินช่วยเหลือซึ่งจริงๆแล้วน่าจะไม่ใช่ความเต็มใจของลุงเองส่วนยอดเงินที่บริจาคนั้นจากเงินที่ได้ไปมากถึง 8 ล้านบาท

แต่กับบริจาคให้มูลนิธิต่างๆแค่เพียง หนึ่งแสน บาทเท่านั้นซึ่งถ้ารวมยอดเงินจริงๆแล้วลุงเสียค่าบริจาคเงินแค่เพียง สีแสน  บาทเท่านั้นทั้งที่ตนเองได้เงินมากไปถึง 8 ล้านบาทด้วยกันดังนั้นเจอว่าดราม่านี้คงจะยังไม่จบง่ายๆคงต้องรอดูกันต่อว่าจะมีกระแสอะไรตามมาอีกบ้าง