กระแสเกี่ยวกับครูทำร้ายเด็กยังคงร้อนแรง อย่างแต่เนื่องเพราะผู้ปกครองของเด็กหลายคน พยายามค้นหาหลักฐานนำออกมาแฉ ถึงพฤติกรรมของคุณครูพี่เลี้ยงคนหนึ่ง ที่มีข่าวทำร้ายเด็กนักเรียนทั้งห้องอยู่ในขณะนี้
สำหรับพฤติกรรมนี้หลายคนสงสัยว่า ครูทำไปเพราะอะไร เป็นเพราะลูกไม่มีใจรักเด็ก หรือครูมีปัญหาทางจิตหรือไม่ ซึ่งนักข่าวได้ไปขอพูดคุยกับคนใกล้ชิดของครูคนดังกล่าว นั่นก็คือแฟนหนุ่มของครูสาวคนดังกล่าวนั่นเอง ซึ่งทางด้านแฟนหนุ่มของครูบอกว่า แฟนของเขาไม่ได้มีปัญหาทางจิตแต่อย่างใด และทุกครั้งที่เลิกงานกลับมาเจอหน้ากัน แฟนสาวก็หัวเราะยิ้มแย้มปกตินั่นเอง และเขาเชื่อว่าแฟนสาวของเขานั้น
อาจจะเกิดจากความเครียดที่เด็กเด็กนั้นอาจจะดื้อและพูดไม่ฟัง จึงทำให้จำเป็นต้องลงโทษเด็กก็เป็นไปได้ ซึ่งแฟนหนุ่มของคุณครูนั้น ยืนยันว่าตนเองไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนว่าครูสาวจะเป็นทำร้ายเด็กเด็ก ซึ่งเขาเองก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำของแฟนสาว และอยากขอโทษผู้ปกครองของเด็กทุกคนแทนแฟนสาวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกด้วย
สำหรับข้อมูลเบื้องต้นที่แฟนหนุ่มของครูสาวให้ข้อมูลกับนักข่าวนั้น บอกว่าครูยังไม่มีลูก และได้ทำงานที่โรงเรียนแห่งนี้มานาน ประมาณ เกือบ 6 ปีแล้ว และครูสาวไม่เคยเกี่ยวกับกับยาเสพติดแน่นอน ดังนั้นการทำโทษเด็กจึงไม่ใช่ทั้งปัญหาทางด้านสุขภาพจิตและไม่มียาเสพติดมาเกี่ยวข้อง
จากข้อความที่ให้สัมภาษณ์ออกมาจากปากแฟนหนุ่มของครูที่ทำร้ายเด็ก ยืนยันว่าที่ครูต้องตีเด็กและดึงหู หรือแม้แต่ขังเด็กในห้องน้ำนั้น เป็นการทำโทษเพราะเด็กดื้อ ไม่เชื่อฟังครู แต่ในทางความรู้สึกของคนเป็นพ่อ เป็นแม่ พวกเขาต้องเสียเงินนค่าเทอมในปริมาณมาก เพื่อให้ทางโรงเรียนดูแลบุตรหลานให้ ซึ่งเด็กนักเรียนที่ถูกทำโทษและระบุว่าเป็นเด็กดื้อจึงโดนทำโทษนั้น พวกเขาเหล่านั้นเป็นเพียงแค่เด็กอนุบาล 1 เท่านั้นเอง ซึ่งเด็กนักเรียนส่วนใหญ่อายุเพียงแค่ 3 ขวบเพียงเท่านั้น ซึ่งยังไม่รู้อะไรผิดหรือถูก บางคนยังไม่สามารถสื่อสารได้ชัดเจนด้วยซ้ำไป
หากบอกว่าการทำร้ายเด็กอย่างที่เห็นคลิปนั้นเป็นการที่เด็กดื้อจึงต้องถูกลงโทษ แต่เด็ก 3 ขวบก็ย่อมมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่แล้ว คนที่จะมาเป็นครูสอนเด็กเล็กควรจะต้องมีจิตใจที่รักเด็ก ไม่ใช่เด็กดื้อก็ทำร้ายอย่างรุนแรงอย่างที่ปรากฏอยู่ในคลิป หากจะมาบอกว่าตีเด็กเพราะดื้อคงไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่ เพราะต่อให้เด็กเหล่านี้จะดื้อยังไง การลงโทษเด็กนั้นทำได้ แต่หากเด็กยังเล็กเพียงแค่นี้ การตีนั้นถือว่ารุนแรงมากเกินไป เพราะมันไม่ใช่การจะทำให้เด็กหายดื้อ แต่มันกำลังจะทำให้เด็กมีปัญหาทางด้านอารมณ์และกลายเป็นเด็กกลัวการไปโรงเรียนแทน
สนับสนุนโดย aecasino