แม่แจ้งจับลูกชายเพราะขโมยข้าวเปลือกของบ้านตนเอง

แม่แจ้งจับลูกชายเพราะขโมยข้าวเปลือกของบ้านตนเองและของน้าไปขายเพื่อซื้อยาเสพติด

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อหญิงสาววัยกลางคนสองคนได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีคนเข้ามาขโมยข้าวเปลือกในยุคของตนเองหายไปซึ่งคาดว่าคนที่มาขโมยข้าวเปลือกนั้นน่าจะเป็นลูกชายของตนเองโดยเหตุการณ์ครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานเอามาจากนางสาวอัมพรและนางสาวดวงใจสองพี่น้องโดยนางสาวอัมพรให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าข้าวเปลือกบ้านของเธอนั้น

ถูกขโมยไปประมาณ 5 กระสอบและยังมีข้าวเปลือกของบ้านน้องสาวของเธอซึ่งมีพื้นที่บ้านอยู่ในพื้นที่เดียวกันนั้นหายไปอีก 2 กระสอบโดยนางสาวอัมพรให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสงสัยในตัวขโมยที่มาขโมยข้าวเปลือกไปนั้นน่าจะเป็นลูกชายของเธอเองชื่อว่านายพิณซึ่งลูกชายของเธอนั้นอายุ 18 ปีโดยปกติแล้วในพินจะไม่ได้อยู่ในบ้านเดียวกันกับเธอมักจะไปๆมาๆส่วนใหญ่มักจะไปอยู่กับเพื่อนเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่และทราบตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว

จึงได้ให้ชุดสืบสวนได้ติดตามหาตัวในพินซึ่งหลังจากนั้นพบว่ามีข้อมูลว่าในพินนี้ไปหลบซ่อนอยู่แถวกระท่อมท้ายหมู่บ้านทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปจัดกลุ่มแล้วก็พวกของการจริงๆไม่มีข้าวเปลือกอยู่ที่กระท่อมของนายพินประมาณ 4 กระสอบและยังมีรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการขับไปก่อเหตุอีก 1 คันยังไงผิดเองก็สารภาพกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นคนลงมือขโมยข้าวเปลือกของแม่และของน้ามาจริงหวังว่าจะนำเข้าเปิดที่ขโมยมาได้นี้

ไปขายเพราะก่อนหน้านี้ก็เคยเอาข้าวเปลือกของแม่ไปขายประมาณ 2 กระสอบเคยขายให้กับโรงงานสีข้าวในพื้นที่ซึ่งข้าวเปลือกที่นำไปขายในครั้งแรกนั้นได้เงินมาประมาณ 600 กว่าบาทซึ่งในพินเองก็ได้นำเงินดังกล่าวไปซื้อเหล้าแล้วก็ไปซื้อยาเสพติดมาเสพทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวนายเพ็ญไปที่โรงพักในขณะเดียวกันแม่ของนายพินก็คือนางสาวอัมพรก็ติดตามลูกไป

ที่โรงพักด้วยเช่นเดียวกันโดยได้มีการเข้ามาพูดคุยกับลูกด้วยพร้อมกับร้องไห้ไปด้วยโดยเธอบอกว่าถึงแม้ลูกจะโกรธเธอเธอก็เข้าใจและไม่ว่าอะไรเพราะเธอรักลูกของเธอมากอยากได้อะไรเธอก็หามาให้ถึงแม้ว่าเธอไม่มีเงินเธอก็ไปหยิบยืมเงินคนอื่นมาซื้อของให้ลูกของเธอแต่เมื่อลูกทำความผิดที่สำคัญในการทำความผิดครั้งนั้น

คือการขโมยลักทรัพย์ของคนอื่นและทรัพย์สินที่ขโมยก็เป็นของพ่อแม่แล้วก็น้าทำให้เธอต้องตัดสินใจที่จะส่งลูกเข้าไปอยู่ในคุกก็เธอไม่อยากให้ลูกของเธอไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นอย่างน้อยลูกอยู่ในคุกก็ไม่มีใครทำอันตรายลูกของเธอได้ ซึ่งในเพจเองก็เข้าใจดีและได้ก้มลงกราบขอโทษกับการกระทำในครั้งนี้กับแม่เรียบร้อยแล้ว

 

สนับสนุนโดย  rb88