ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯชี้แจงคำสั่งร้านขายอาหาร

ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯชี้แจงคำสั่งร้านขายอาหารเปิดขายได้แต่ให้ซื้อกลับบ้านเท่านั้นห้ามนั่งกินที่ร้าน

      มีที่เมื่อวันที่ 21 เดือนมีนาคมปีพ.ศ. 2563  ท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพฯได้ออกมาประกาศให้ประชาชนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลทราบว่าจะมีการปิดห้างสรรพสินค้ารวมถึงสถานบันเทิงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆและที่สำคัญตลาดและร้านอาหารก็จะถูกปิดเป็นการชั่วคราวด้วยเพื่อเป็นการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่านั้น 

วันนี้ทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่ายังมีการเปิดให้บริการตามปกติบางแห่งเช่นในห้างสรรพสินค้าก็จะเปิดให้บริการของกลุ่มธนาคารรวมถึง จุดที่ขายอาหารสดก็ยังเปิดให้บริการตามปกติได้ส่วนร้านค้าที่ขายเป็นอาหารไม่ว่าจะเป็นร้านแผงลอยหรือเปิดเป็นร้านขายอาหารเองที่บ้านหรือจะเป็นพวกรถเข็นจะต้องมีการเปิดขายได้เฉพาะการซื้อแล้วนำกลับไปทานที่บ้านเท่านั้นไม่อนุญาตให้ร้านค้าต่างๆเปิดขายแล้วให้ลูกค้านั่งกินภายในร้านได้

และสำหรับหากร้านไหนที่ต้องการอยากจะให้ลูกค้านั่งกินอาหารภายในร้านร้านนั้นจะต้องมีการเปิดสถานที่ในการนั่งทานอาหารเป็นแบบโล่งรวมถึงจะต้องมีการจัดโต๊ะให้เว้นห่างกันโต๊ะละ 1 เมตรเพื่อที่คนที่กินจะได้ไม่นั่งอยู่ใกล้กันมากเกินไปเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า

         จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าที่นับวันยิ่งมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆหลายฝ่ายจึงได้มีการประชุมและหารือกันโดยผลสรุปก็คือในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลนั้นในช่วงนี้จะมีการปิดการให้บริการสถานที่ต่างๆที่เห็นแล้วว่าจะเป็นแหล่งที่ประชาชนจะไปรวมตัวกันมากๆไม่ว่าจะเป็นสถานบันเทิง  โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารเป็นต้นซึ่งข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นนี้จะต้องปิดทำการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 22 เดือนมีนาคมแล้ว

จะปิดยาวไปจนถึงวันที่ 12 เดือนเมษายนปีพศ 2563 แล้วถึงจะมาดูอีกครั้งหนึ่งว่าในช่วงเวลาดังกล่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสามารถควบคุมได้แล้วหรือไม่แต่ถ้าหากยังพบปัญหาการแพร่ระบาดสูงอย่างต่อเนื่องก็อาจจะต้องมีมาตรการอื่นออกมาแก้ไขต่อไปทั้งนี้เหตุผลที่ต้องการปิดสถานที่ต่างๆไม่ให้ประชาชนไปรวมตัวกันมากนักก็เพื่อลดความเสี่ยงที่จะนำโรคไปติดต่อกันซึ่งหลังจากนี้ต้องดูว่ามาตรการนี้จะสามารถลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Corona ได้

หรือไม่และที่สำคัญประชาชนแต่ละคนให้ความร่วมมือมากแค่ไหนในการที่จะช่วยกันลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดเชื้อโรคในครั้งนี้  ก็มีหลายคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการปิดสถานที่ดังกล่าวเหล่านี้ว่าจะส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของอาหารการกินแต่เท่าที่จะดูจากข้อมูลเบื้องต้นแล้วก็ยังมีการเปิดให้ขายของได้ตามปกติเพียงแต่ว่างดในเรื่องของการไปทานอาหารที่ร้านเพราะฉะนั้นก็ไม่น่าจะเดือดร้อนกับประชาชนมากนักในเรื่องการหาของกินคงต้องรอดูกันต่อไปว่าหลังจากที่มีการปิดสถานที่บางแห่งแล้วผลของการแพร่ระบาดลดลงหรือไม่

เพื่อนบ้านทะเลาะกันอีกฝ่ายเปิดกระโปรงโชว์ของลับ 

มาดูเหตุการณ์เพื่อนบ้านทะเลาะกันซึ่งมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำบ่อยครั้ง ล่าสุดเกิดจากบ้านที่อยู่ติดกันบ้านหลังนึงเปิดเพลงเสียงดังทำให้บ้านฝั่งตรงข้ามเกิดความไม่พอใจจึงได้มีการอัดคลิปวีดีโอเก็บเอาไว้ แล้วคุณในขณะที่อัดคลิปอยู่นั้นบ้านที่เปิดเพลงเสียงดังได้ออกมาเห็นว่าฝั่งตรงข้ามมีการอัดคลิปไว้จึงเกิดความไม่พอใจและเกิดการทะเลาะกันขึ้น

ทะเลาะกันได้สักพักต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันเข้าบ้านของตนเองแต่เข้าไปได้ไม่ถึง 10 นาทีบ้านที่เปิดเพลงเสียงดังก็เดินออกมาหน้าบ้านอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากยังเห็นว่าบ้านฝ่ายตรงข้ามยังมีการแอบถ่ายบ้านของตนเองอยู่ดังนั้นจึงเกิดความไม่พอใจและเกิดการทักทายกันขึ้นซึ่งบ้านที่เปิดเพลงเสียงดังตะโกนถามว่าอยากถ่ายนักใช่ไหมเดี๋ยวจะเปิดกระโปรงให้หลังจากนั้นบ้านที่เปิดเพลงเสียงดังก็ตัดสินใจเปิดกระโปรงของตัวเองโชว์ของลับโดยที่ไม่ได้ใส่กางเกง

ในให้คนที่ถ่ายคลิปได้เห็นหลังที่คลิปดังกล่าวมีการเผยแพร่ออกไปก็ทำให้นักข่าวได้ลงเข้าไปดูพื้นที่ ซึ่งนักข่าวได้ไปคุยกับคุณปฐมพัฒน์ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกับบ้านทั้งสองหลังโดยเขาได้เล่าว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงเวลา 8:30 น. ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังจะออกไปทำงานเขาเล่าว่าบ้านทั้งสองหลังเคยทะเลาะกันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้วซึ่งวันดังกล่าวบ้านที่ถ่ายคลิปถ่ายไปเพราะว่า ร้านที่เปิดเพลงเสียงดังนำรถมาจอดหน้าบ้านแล้วเปิดประตูรถเปิดเพลงเสียงดังมาก

ทำให้บ้านอีกหลังนึงไม่พอใจจึงได้มาถ่ายคลิปเอาไว้ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้คุณปฐมพัฒน์แจ้งว่าตัวเองเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ เมื่อนักข่าวสอบถามว่าตามความคิดเห็นของนายปฐมพัฒน์แล้วใครผิดถามเพื่อนบ้านที่เป็นคนกลางก็บอกว่าก็ผิดทั้งคู่เพราะว่าฝั่งที่เปิดเพลงเสียงดังก็ทำเกินไปที่เปิดเพลงโดยไม่สนใจว่าบ้านอื่นจะรำคาญเสียงเพลงของตนเองเลย ในส่วนของบ้านที่ถ่ายคลิปเองก็มีความผิดที่ไปยั่วโมโหจนเขาตบะแตกต้องเปิดกระโปรงโชว์ของลับให้ดู

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้คุณป้าที่โดนถ่ายคลิปที่เปิดกระโปรงโชว์ได้เดินทางไปร้องศูนย์ดำรงธรรมเพื่อทำการเอาผิดกลับบ้านที่ถ่ายคลิปเพราะเนื่องจากว่าเมื่อมีการถ่ายคลิปแล้วยังมีการนำไปโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียทำให้ตนเองได้รับความอับอายเพราะคนทั่วประเทศเห็นตัวเองเปิดของลับกันทั้งประเทศแล้ว ซึ่งคุณป้าที่เปิดกระโปรงโชว์ของลับยืนยันว่าฝั่งที่ผิดคือฝั่งที่ถ่ายคลิปถ้าไม่ออกมาโวยวายตนเองก็ไม่ต้องมาเปิดกระโปรงโชว์และไม่ต้องไปเป็นที่อับอายของคนทั้งประเทศแบบนี้ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด 

ปารีณาไม่หวั่นติดเชื้อไวรัสโควิด-19

ปารีณาไม่หวั่นติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ร่วมงานวันเกิด สส. ด้วยกัน

            จากกรณีที่ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรี  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกมาจากการเกี่ยวกับการรับมือของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 คู่มือประชาชนทุกคนไม่ให้ไปในพื้นที่ที่มีคนจำนวนมากรวมถึงขอความร่วมมือสถานบันเทิง  , สถานบริการ และ ผับให้ปิดกิจการชั่วคราวเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

จากการที่คนหมู่มากไปอยู่ในพื้นที่เดียวกัน รวมถึงท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนทุกคนงดเว้นการจัดกิจกรรมต่างๆพี่จะมีผลทำให้ประชาชนมารวมกันอยู่หนาแน่นซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประกาศการขอเลื่อนการจัดงานวันสงกรานต์ออกไปโดยยังไม่ได้กำหนดวันว่าจะสามารถจัดงานสงกรานต์ได้อีกครั้งเมื่อไหร่ 

ต่อมาในวันรุ่งขึ้นในช่วงค่ำได้มีการเผยแพร่ภาพการจัดเลี้ยงงานวันเกิดของ  สส. พรรคพลังประชารัฐโดยมีจำนวน สส. ของพรรคพลังประชารัฐเป็นจำนวนมากไปร่วมงานวันเกิดในครั้งนี้ หนึ่งในนั้นคือ นางสาวปารีณาหรือเอ๋  สส. ของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อนักข่าวลงไปขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับการไปร่วมงานในครั้งนี้ สส. ปารีณาได้ให้ข้อมูลว่าการที่นายกได้ออกมาพูดแถลงการณ์เป็นการแนะนำเท่านั้นแต่ยังไม่ได้เป็นการห้ามไม่ให้มีการจัดงานไม่ว่าจะเป็นงานศพ  , งานบวช หรืองานเลี้ยงวันเกิด

เพราะฉะนั้นทั้ง สส.ปารีณาเองแล้วก็พวกคนอื่นๆของพรรคพลังประชารัฐก็ไม่ได้ทำผิดกฎอะไรยังคงทำกิจกรรมภายใต้เงื่อนไขของรัฐบาลทุกอย่างและเมื่อไหร่ก็ตามที่ทางนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  มีการประกาศออกมาเมื่อไหร่ว่าห้ามจัดงานเลี้ยงวันเกิดตนเองและ สส. ของพรรคพลังประชารัฐทุกคนก็ยินดีที่จะทำตามกฎระเบียบที่ทางนายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกันแต่ ณ ตอนนี้ยังไม่ได้มีการออกกฎดังนั้น สส. ปารีณาและเพื่อนคนอื่นๆจึงไม่ได้ถือว่าทำผิดกฎแต่อย่างใด

          จากข้อความข่าวมีนักข่าวไปขอสัมภาษณ์ สส. ปารีณาในครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่า รัฐบาลไม่ได้จริงจังกับการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเลยโดยดูจากสมาชิกของพรรครัฐบาลเองที่แม้นายกรัฐมนตรีจะออกมาขอความร่วมมือในการไม่ให้ทำกิจกรรมในคนหมู่มากแต่สมาชิกของรัฐบาลทุกคนก็ยังคงดำเนินกิจกรรมของตนเอง

โดยไม่สนใจที่จะทำตนเองให้เป็นแบบอย่างให้ประชาชนได้ดูกันดังนั้นหากประชาชนไม่ได้ให้ความร่วมมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสยังคงมีการจัดกิจกรรมโดยมีคนหลายคนมาร่วมกิจกรรมในพื้นที่เดียวกันตั้งรัฐบาลก็คงไม่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าประชาชนไม่ให้ความร่วมมือก็ขนาดสมาชิกพรรคที่อยู่ฝ่ายเดียวกับรัฐบาลยังไม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้ประชาชนได้เลย 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  next88

ผู้คนเริ่มกักตุนอาหาร

ผู้คนเริ่มกักตุนอาหาร หลังเชื้อไวรัสโควิดระบาดมากขึ้น

             เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีทีท่าว่าจะสามารถระงับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได ดังจากที่เราได้เห็นข่าว ว่าทั้งดารา และคนในวงการไฮโซเริ่มติดเชื้อไวรัสชนิดนี้กันแล้ว และที่สำคัญไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็อันตรายแทบทุกพื้นที่เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนที่ยืนอยู่ข้างเราเขามีเชื้อไวรัสชนิดนี้อยู่หรือไม่ หรือว่าคนทีติดเชื้อไวรัสก่อนหน้าเราเขาสัมผัสอะไรไว้หรือไม่

เพราะหากเมื่อเราไปสัมผัสต่อจากเขาเราก็สามารถติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ได้เช่นกัน ทำให้ประชาชนเริ่มที่จะตื่นกลัวกันมากขึ้นเพราะมองว่า การแพร่เชื้อไวรัสนั้นแพร่เชื้อให้กันนั้นง่ายมากเหลือเกิน และคนที่รู้ดีอยู่แล้วว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสมาจากที่อื่นก็ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมมากพอที่จะกักตัวเองไว้ให้ห่างไกลจากคนอื่น

แต่คนกลุ่มนี้กลับเห็นแก่ตัวด้วยการพาตัวเองเข้ามาในฝูงชนในจุดที่มีผู้คนพลุกพล่าน จนเกิดปัญหาการแพร่เชื้อให้คนอื่นโดยที่ไม่รู้ตัว อย่างเช่นเรื่องของดารา อย่างแมทธิว ดีน ที่เขาไปติดมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ และอย่างที่คนที่ไปดูมวยติดมาจากที่สนามมวย เพราะไปจับมือกับพวกนักมวย ทั้งที่ตัวเขาเองก็ป้องกันตัวเองอย่างดีด้วยการใส่หน้ากากอนามัยแต่ก็ยังพบปัญหาว่าตัวเองติดเชื้อไวรัส ดังนั้นเมื่อประชาชนไม่สามารถวางใจในตัวรัฐบาลได้ว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไรและเมื่อไหร่

ดังนั้นวิธีการกักตุนอาหารจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้  ตามรายงานข่าวพบว่าประชาชน เริ่มมีการซื้ออาหารแห้งกักตุนกันมากขึ้นอย่างล่าสุด ที่บิ๊กซี สาขา ลาดพร้าว ผู้คนเริ่มซื้อมาม่า ปลากระป๋อง ข้าวสารและอื่นอื่นอีกมาก จนต้องต่อแถวยาวเหยียดเพื่อรอการจ่ายเงิน เพราะหลายคนเริ่มที่จะกักตุนสินค้าแล้ว เพราไม่ต้องการที่จะออกมาเดินตามห้างบ่อยเกินไป ซึ่งหลายคนเริ่มมองเห็นถึงความไม่ปลอดภัยในการเดินห้าง เพราะหากไม่กลัวติดเชื้อไวรัสก็ต้องมากลัวว่าคนจะมายิงกันตายในห้าง

ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือการเก็บอาหารเอาไว้ก่อน ด้านนักข่าวชื่อดังก็ได้ออกมาเตือนสติประชาชนว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกักตุนอาหารเพราะ นี่เป็นแค่การแพร่ระบาดของไวรัสที่ไม่ได้ติดต่อกันง่ายง่าย เราต้องสัมผัสคนป่วยโดยตรงเท่านั้นถึงติด ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องเริ่งกักตุนอาหารเอาไว้กินก็ได้

 

สนับสนุนโดย  sagame

พบศพนิรนามที่เชียงรายถูกฆ่ายัดถัง 

 มีรายงานจากชาวบ้าน ของหมู่บ้านเทอดไทว่าพบศพชายไม่ทราบชื่อถูกทิ้งไว้ในถังน้ำมันขนาด 200 ลิตรอยู่ในฝ่ายน้ำที่จังหวัดเชียงราย

  จากคำให้การของผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านเทอดไทได้ให้การว่าวันนี้ได้มีวัยรุ่นและชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้ไปเล่นน้ำที่หนองน้ำในหมู่บ้านในจังหวัดเชียงรายซึ่งหนองน้ำแห่งนี้อยู่ในช่วงน้ำแห้งจึงทำให้มองเห็นว่ามีทั้งน้ำมันลอยอยู่กลางแม่น้ำบรรดาวัยรุ่นและชาวบ้านจึงช่วยกันนำถังน้ำมันดังกล่าว ขึ้นมาจากหนองน้ำ

ซึ่งระหว่างนั้นก็สังเกตเห็นว่าตัวถังมีความเห็นอย่างผิดปกติจึงได้ช่วยกันเปิดตาทำออกมาดูหลังจากนั้นจึงได้พบว่ามีศพของชายไม่ทราบชื่อซึ่งจากการคาดเดาน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณหนึ่งสัปดาห์ถูกยัดอยู่ในถังน้ำมันดังกล่าวรวมถึงมีเสื้อผ้ายัดอยู่ในนั้นด้วยเบื้องต้นทางผู้ใหญ่บ้านเองได้สอบถามลูกบ้านแล้วพบว่าคนในหมู่บ้านไม่มีใครหายไปตอนนี้ได้ประสานงานไปยังหมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อใช้เช็คว่ามีใครหายไปบ้างหรือมีใครไปแจ้งความคนหายไว้บ้าง

ตอนนี้อยู่ระหว่างการรอคำตอบอยู่แต่ทางผู้ใหญ่บ้านคาดการณ์ว่าสุขดังกล่าวน่าจะไม่ใช่คนในละแวกนี้ โดยทางผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านต่างก็คิดว่าศพดังกล่าวน่าจะถูกฆ่ามาจากที่อื่นแล้วจึงนำศพมาทิ้งที่นี่ส่วนหนองน้ำที่พบศพนั้นเป็นฝ่ายกันน้ำที่ชาวบ้านสร้างขึ้นมาเพื่อเอาไว้กักตุนน้ำเอาไว้ใช้ยามจำเป็นในหมู่บ้าน

ซึ่งวันนี้ทางวัยรุ่นและชาวบ้านต่างมาลงเล่นน้ำจับปลาจึงทำให้พบกับทั้งดังกล่าวอย่างไรก็ดีตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลแล้วอาจจะต้องรอผลการตรวจสอบและตามหาต่อไปว่าศพดังกล่าวคือใครเพื่อที่จะได้ตามจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ 

               ในสภาวะสถานการณ์ตอนนี้นอกจากจะต้องกลัวเชื้อโรคกลัวโรคไวรัสโควิช 19 แล้วยังจะต้องมากลัวเกี่ยวกับการฆาตกรรมอีกด้วยคนสมัยนี้จิตใจขอโหดร้ายมีเรื่องทะเลาะกันนิดหน่อยก็ต้องฆ่ากันซึ่งศพในครั้งนี้ตายมานานเป็นอาทิตย์แล้วอาจจะทำให้หาตัวคนร้ายได้ลำบากและที่สำคัญการถามหาว่าซับดังกล่าวเป็นใครมาจากไหนก็ค่อนข้างลำบากอีกด้วย      เพราะศพดังกล่าวไม่มีเอกสารอะไรบ่งบอกเลยว่าเป็นใครมาจากไหน

ดังนั้นการติดตามหาตัวจึงค่อนข้างยากลำบากสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนในการหาตัวคนร้ายหรือหาตัวว่าศพดังกล่าวเป็นใครมาจากไหนจึงจะสามารถติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษได้แต่เราก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งใจที่จะทำงานแล้วต่อให้คดีนั้นยากเย็นแสนเข็ญยังไงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถคลี่คลายได้ทุกคดี

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  entaplay

บุกยิงหวังฆ่ายกครัว ตายรวม 4 ศพ

หนุ่มแค้นภรรยากีดกันไม่ให้เจอลูก บุกยิงหวังฆ่ายกครัว ตายรวม 4 ศพ

             เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานมีคนถูกยิงเสียชีวิตและให้มาติดตามจับกุมตัวคนร้าย เหตุเกิดที่จังหวัดกาญจนาบุรี ที่เกิดเห็นเป็นบ้านสวน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ ทางเจ้าของบ้านแจ้งว่าคนร้ายได้หลบหนีไปแล้วพร้อมกันนำตัวลูกสาววัย 5 ขวบไปด้วยเมื่อเจ้าหน้าที่ติดตามมาถึงทางด้านหลังบ้านพบรอยเลือดหยุดเป็นทาง ตรงไปทางห้องเก็บของยังไม่ได้ทันเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดเมื่อเข้าไปดูก็พบศพคนร้ายที่ก่อเหตุยิงศีรษะตัวเองเสียชีวิตคาที่ ข้างข้างกันมีศพเด็กหญิงอายุ 5 ขวบนอนอยู่ด้วย 

           เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามคนทีรอดชีวิตที่เหลือยู่ภายในบ้าน ได้ให้การว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือนาย นิด อดีตลูกเขยของบ้านที่เกิดเหตุ โดยคืนวันเกิดเหตุนาย นิดได้แอบปีนเข้ามาทางห้องนอนของภรรยา ซึ่งนอนอยู่กับลูกสาวคนโตอายุ 12 ขวบ แล้วเกิดมีปากเสียงกันกรณีนายนิดต้องการนำลูกกลับไปอยู่ด้วย

ซึ่งในระหว่างที่ทะเลาะกันนายนิดได้นำปืนออกมาขู่จะยิงทำให้อดีตภรรยาและลูกวิ่งหนีมาที่ห้องข้างข้างที่เป็นห้องของน้องชาย ด้านนายนิดตามอดีตภรรยาออกมาแล้วมาเจอกับพ่อตา จึงได้ยิงพ่อตาเสียชีวิต เสร็จแล้วเจอกับแม่ยายและลูกสาววัย 5 ขวบจึงได้ยินแม่ยาย แต่ปืนไปถูกลูกสายวัย 5 ขวบได้รับบาดเจ็บนายนิด

จึงได้ยิงแม่ยายเสียชีวิตก่อนที่จะอุ้มลุกสาวออกมาจากบ้านหลังเกิดเหตุ ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึงแล้วก็พบว่านายนิดฆ่าตัวตายซึ่งคาดว่า  น่าจะเกิดมาจากที่กระสุนไปโดนลูกสาววัย 5 ขวบแล้วหนูน้อยอาจจะเสียชีวิตระหว่างที่นายนิดพาออกมา พอเห็นว่าลูกสาวตายจึงทำให้นาย นิด รู้สึกผิดและเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป

จึงได้ก่อเหตุฆ่าตัวตายตามลูก ซึ่งคนในครอบครัวที่ตายได้เล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่า นายนิดและภรรยาเลิกกันนานแล้ว แต่นายนิดก็พยายามมาขอคืนดีตลอดและนายนิดมักจะคิดว่า ตากับยาย ที่นายนิดยิงเสียชีวิตนั้นเป็นคนที่คอยกีดกันไม่ให้นายนิดเจอกับลูก แต่แท้ที่จริงแล้ว เด็กเด็กไม่อยากกลับไปอยู่กับนายนิดเอง เพราะตอนที่พ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน เด็กเด็กมักจะเห็นนายนิดตบตีแม่ตัวเองประจำ ทำให้เด็กเด็กไม่อยากกลับไปอยู่กับพ่อ ยืนยันได้ว่าไม่มีใครกีดกันนายนิดแน่นอน แต่นายนิดก็มาก่อเหตุฆ่าคนในบ้านตาย ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหหน้าที่ตำรวจจะหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

 

สนับสนุนโดย  nowbet

โรคไข้ระบาด ไทฟอยด์ 

ผู้ป่วยหมายเลข0หรือผู้ป่วยในประวัติศษสตร์โลกเราซึ่งหมายถึงบุคคลที่ยืนยันการดำรงค์อยู่ของการระบาดในช่วงเวลานั้นๆโดยมันถูกนิยามมากขึ้นภายหลังจากการแพร่ระบาดของเชื่อไว้รัสของคนในอเมริกาเหนือคนหนึ่งคำนี้ก็ได้ผูกติดกับพนังงานสายการบินคนหนึ่งเช่นกัน

ที่ตัวนั้นได้นอนหลับกับคนอื่นไปทั่วโดยที่ตัวเขาไม่รู้เลยว่าตัวเขาเองนั้นมีเชื้อSIVอยู่และนี่อาจจะเรียกได้ว่าผู้ป่วยหมายเลข0อย่างแท้จริงและมาดูต้นตอที่แท้จริงกันเลยดีกว่า

 ไทฟอยด์ แมรี่ 

 จุดเริ่มต้นของไทฟอยด์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นกับ ไทฟอยด์ แมรี่ ในตอนที่เธออายุประมาณ15ปีเธอก็ได้ย้ายบ้านมาจากไอซ์แลนด์มายังสหรัฐอเมริกาเมื่อปี1884เพื่อหางานทำเลี้ยงดูครอบครัว ก่อนที่แมรี่จะได้ทำงานเป็นแม่บ้านจนกระทั่งไอซ์แลนด์ทำงานเป็นแม่บ้านมานานกว่า21ปีด้วยกันเขาก็ได้ขยายจากเด็กกวาดพื้นขยับขึ้นมาเป็นแม่ครัวขึ้นมาเป็นคนทำอาหารให้ครอบครัวที่ร่ำรวยคนหนึ่งกินและนั่นเองที่ทำไมแมร่ก็ได้ป่วยลงโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ

และหลังจากที่แมรี่ได้เข้ารับการรักษาและก็ได้ถูกเรียกว่า ไข้ ไทฟอยด์ แต่มันก็ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้พอหลังจากการรักษาแมร่ก็ยังคงรับหน้าที่แม่บ้านให้กับหลังอื่นๆอีก8หลังด้วยกันและในระหว่างนั้นก็ค่อยๆมีบ้านคนอื่นป่วยเป็น ไข้ไทฟอยด์เพิ่มขึ้นอีกโดยที่ไม่ทราบสาเหตุที่มาแต่อย่างใดซึ่งกว่าจะรู้ความจริงแล้วว่าต้นเหตุนั้นมันมาจากไหนมันก็สายไปเสียแล้วเพราะว่าคนในบ้านที่แมรี่ ไปทำอาหารกินนั้นได้พากันป่วยไปหมดแต่ในช่วงที่เขาได้พากันสงสัยนั้น

แมรี่กับหายไม่เป็นอะไรทั้งสิ้นแม้แต่ไข้เองดังนั้นเธอก็ได้ปฏิเสธไปว่าไม่ได้ป่วย ท้ายที่สุดแล้วแมรี่ก็โดนจับและก็โดนดำเนิดคดีไปในที่สุดเพียงแต่ว่ามันนั้นได้สายไปเสียแล้ว เพราะว่าในปี1907นิวยอร์กก็ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ไข้ระบาด ไทฟอยด์ และส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อไปมากกว่า3,000คนในช่วงปี1907

หลังจากที่แมรี่โดนกักตัวอยู่2ปีที่โรงพยาบาลบนเกาะบราเธอร์เธอกลับไม่มีอาการป่วยใดๆเลยทั้งสิ้นจาก โรคไทฟอยด์ เลยแม้แต่น้อยถึงแม้ว่ามันจะผ่านมานานแล้วถึง2ปีก็ตามดังนั้นเธอก็เลยได้รับอิสระภาพจากนั้นเป็นต้นมาโดนที่ทางรัฐบาลได้ตั้งเงื่อนไขเอาไว้ว่าเธอจะต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่เป็นประจำทุกเดือนและจะต้องมาไปทำอาชีพที่ทำเกี่ยวกับอาหารเด็ดขาด

แต่ถึงอย่างไรก็ตามหลังจากการปล่อยตัวไปได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น โรคไทฟอยด์ ก็ได้กลับมาระบาดอีกครั้งแน่นอนแล้วว่าแมรี่เป็นสาเหตุอีกแล้วเพราะว่าแมรี่นั้นได้ใช้เอกสารปลอมนั้นเข้ามาทำงานก่อนที่จะเข้าไปทำอาหารให้ที่บ้านอื่นเช่นเคย

 

ได้รับการสนับสนุนเรื่องราวจาก  9luck

สลดใจคนร้ายอายุเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้นเอง

หนุ่มออทิสติก ตกน้ำดับชีวิต สลดใจคนร้ายอายุเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้นเอง

     มีรายงานข่าวว่า มีชายคนหนึ่งอายุ 24 ปี เขาเป็น ออทิสติก และได้ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพ ซึ่งมีรายงานข่าวว่า อยู่ดีดีก็มีคนเห็นว่าชายหนุ่มออทิสติกคนดังกล่าวพลัดตกน้ำคลอง ที่ซอยผดุงกรุงเกษม แถวแถวท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพงเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากที่หนุ่มออทิสติกคนดังกล่าวตกน้ำลงไปเจ้าหน้าที่ก็ได้รับแจ้งว่ามีคนตกน้ำจึงได้รีบวิ่งมาช่วย แต่เมื่อไปถึงชาวบ้านในที่เกิดเหตุเล่าให้ฟังว่า มีคนจรจัดไร้บ้านได้พยายามที่จะลงไปช่วยเหลือหนุ่มออทิสติกคนดังกล่าวก่อนแล้ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางมาถึ

แต่ก็ไม่สามารถหาร่างของหนุ่มออทิสติก เจอจนต้องให้เจ้าหน้าที่นักประดาน้ำมาค้นหาร่างชายหนุ่มคนดังกล่าว ซึ่งต่อมาพบว่า หนุ่มออทิสติกได้เสียชีวิตจากการจมน้ำเสียแล้ว โดยมีคนเห็นเหตุการณ์เล่าว่า เขาเห็นเด็กชายอายุประมาณ 13 ปีซึ่งมีบ้านอยู่แถวแถวนี้เป็นคนเข้ามาทำร้ายคนตาย โดยเขาเล่าว่า คนตายนั่งกินข้าวริมคลองคนเดียวอยู่ดีดี เด็กอายุ 13 ปีพร้อมกับเพื่อนก็เข้ามาแกล้งคนตาย และอยู่ดีดีก็มีคนกระโดดถีบคนตายจนตกคลอง จึงเป็นสาเหตุทีทำให้ หนุ่มออทิสติก เสียชีวิต

และหลังจากที่มีข่าวเกี่ยวกับหนุ่มออทิสติกเสียชีวิตเผยแพร่ออกไป ชาวโซเชียลก็พากันไปตามหาคนที่ก่อเหตุจนพบ และมีการขุดคุ้ยประวัติเด็กว่าเด็กคนดังกล่าวเป็นเด็กในพื้นที่ที่เกิดเหตุและเป็นเด็กที่มีนิสัย เกเร  ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้พ่อแม่เด็กไม่รู้เรื่องและเมื่อไปสอบถามเด็กยอมรับว่าทำจริงและแม่ไม่รู้เรื่องนี้เพราะแม่อยู่ในคุกและเด็กอายุ 13 ปียังบอกอีกว่ามีคนสั่งให้เขาถีบหนุ่มออทิสติก ซึ่งคนที่สั่งให้ทำชื่อว่า นายดี ซึ่งระหว่างที่มีการสอบถามเด็กยอมรับว่ารู้เรื่องว่าหนุ่มออทิสติก ตายหลังจากที่ตนเองถีบตกน้ำ

ซึ่งขณะที่ตอบคำถามเด็กอายุ 13 ไม่มีอาการเศร้าเสียใจเลย และในตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวเด็กไปที่สถานีตำรวจเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้มีการปล่อยตัวออกมาเบื้องต้นก่อน และนักข่าวได้ติดตามหาคนที่ลงไปช่วยเหลือ หนุ่มออทิสติก นั้นพบว่าเป็นคนไร้บ้านชื่อว่าประเทือง

ซึ่งเขาพยายามได้กระโดดลงไปช่วยหนุ่มออทิสติก แล้วแต่หาไม่คนตกน้ำไม่เจอ และนักข่าวได้มีการติดต่อไปยังคุณแม่ของคนตาย โดยคุณแม่บอกว่าน้องหนีออกจากบ้านเพราะต้องการหางานทำ ซึ่งน้องหนีออกจากบ้านบ่อยพอเจอตัวตามกลับบ้านก็มักจะหนีออกไปอีก เพราะน้องบอกว่าอยากหางานทำเพราะตัวเองโตแล้ว จนมาครั้งนี้ที่น้องต้องมาเสียชีวิตลง

ชายป่วยจิต กวนคนทั้งหมู่บ้าน 

 จากกรณีที่มีข่าวว่ามีชายคนหนึ่งชอบมาเคาะประตูรั้วเพื่อนบ้านและคอยหาเรื่อง ทางนักข่าวจึงได้ลงพื้นที่เพื่อไปดูว่ามีเหตุการณ์นี้จริงหรือไม่ โดยนักข่าวไปที่หมู่บ้าน วิลล์ อยู่ที่รังสิตตรงคลองซอง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดที่ซอย 16  ซึ่งเมื่อไปถึงจะเห็นว่าในซอยดังกล่าวจะมีบ้านอยู่หนึ่งหลังที่เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันทั้งด้านซ้ายและขวาทำการกั้นรั้วสูงทั้งสองฝั่งเลย

และบ้านด้านข้างทั้งสองหลังมีการติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ด้วย ซึ่งเมื่อไปสอบถามกับชาวบ้านในซอย 16 พบว่าไม่ใช่แค่บ้านสองหลังเท่านั้นที่มีปัญหาทุกคนที่อาศัยอยู่ในซอย 16  มีปัญหากับเพื่อนบ้านหลังดังกล่าวทุกคนและในวันที่นักข่าวไปสัมภาษณ์นั้นชาวบ้านที่อยู่ในซอย 16 รวมตัวกันทั้งหมด 7 คนไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าชาวบ้านซอย 16 เดือดร้อนหนักมาก เพราะภายในซอย 16 จะมีบ้านหลังหนึ่งสมมุติชื่อนาย วิว มีพฤติกรรมเวลาตกดึกจะออกมาโวยวายเพื่อนบ้าน

ซึ่งมีป้าคนหนึ่งเล่าว่า ตอนดึกดึก วิว มักจะออกมาทุบกำแพงบ้าน หลังจากนั้นก็จะมีกดกริ่งเรียกป้าออกมาด่าว่า ป้าทำกำแพงทำไม และนายวิว ยังขู่ฆ่าตนเองอีกด้วย  และยังมีเพื่อนบ้านคนอื่นอื่น ต่างก็เจอวิว ทำพฤติกรรมที่ไม่ดีใส่ ซึงบ้านทุกหลังจะต้องติดกล้องเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐาน โดยมีเหตุการณ์หนึ่งที่เพื่อนบ้านยืนอยู่หน้าบ้านของตัวเองอยู่ดีดี สักพักนายวิวก็ขี่มอร์เตอร์ไซส์มาจากไหนไม่รู้ มาจอดที่หน้าบ้านนายวิว หลังจากนั้นนายวิว ก็เดินมาบ้านฝั่งตรงข้ามที่เพื่อนบ้านยืนอยู่แล้วก็ต่อยเพื่อนบ้านทันที

บางคนก็เล่าให้ฟังว่า นายวิวชอบไปกดกริ่งหน้าบ้านคนอื่นแล้วก็ด่าเจ้าของบ้านซึ่งไม่มีใครได้ทำอะไรบ้านนายวิวกันเลย  บางที นายวิว เดินผ่านใครก็จะต่อยคนนั้น บางครั้งขับรถผ่านป้อม รปภ. นายวิวก็ต่อย รปภ. ก่อนเหตุผลเพียงเพราะว่า รปภ. เปิดที่กั้นประตูช้า

ซึ่งทุกคนเดือดร้อนจากกระทำของ วิว กันหมด เมื่อนักข่าวไปสัมภาษณ์พ่อของนายวิว โดยพ่อยืนยันว่า ที่ผ่านมาลูกของตัวเองไม่ได้เมายา แค่เพียงนายวิว เมาเหล้าเท่านั้น โดยนิสัยของนายวิว ถ้ากินเหล้าแล้วจะหัวร้อน ขี้หงุดหงิด ซึ่งจากการที่นักช่าวได้คุยกับพ่อ ส่วนมากพ่อจะมีการเข้าข้างลูกของตัวเองตลอด เช่นที่มาตีเพื่อนบ้าน เพราะหงุดหงิดกับกลุ่มวัยรุ่นข้างนอกมาเลยมาหัวร้อนใส่เพื่อนบ้านเท่านั้นเอง ซึ่งหลังจากทีได้คุยกับนักข่าว พ่อยืนยันจะแก้ปัญหาด้วยการย้ายนายวิวไปอยู่ที่อื่นแทน

เมียผอ.โรงพยาบาลอู่ฮั่นร่ำไห้วิ่งตามรถบรรทุกศพ

เจ็บปวดเกินบรรยายเมื่อพบเห็นวินาทีที่เมีย ผอ.โรงพยาบาลอู่ฮั่นร่ำไห้วิ่งตามรถบรรทุกศพ

     มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวแห่งหนึ่งของประเทศจีนได้มีการนำคลิปวิดีโอในช่วงเวลาที่มีการเคลื่อนย้ายศพของผอ.โรงพยาบาลอู่ฮั่นไปประกอบพิธีทางศาสนาซึ่งจากในคลิปวิดีโอดังกล่าวจะเห็นวินาทีที่เมียของผอ. ของโรงพยาบาลอู่ฮั่นร้องไห้ดังน้ำตาจะเป็นสายเลือดวิ่งตามรถขนศพของสามีตัวเองไปเป็นภาพที่ทำให้หลายคนที่ได้เห็นรู้สึกสะเทือนใจกับภาพดังกล่าวเป็นอย่างมาก

     จากกรณีที่นายแพทย์ หลิว จื่อหมิง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผอ.ของโรงพยาบาลอู่ฮั่นได้เสียชีวิตลงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 18 เดือนกุมภาพันธ์ปีค.ศ. 2020 ที่ผ่านมาโดยในแพดกว่าดังกล่าวได้เสียชีวิตลงในวัยเพียงแค่ 51 ปีซึ่งเขาได้ทำหน้าที่ในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าด้วยความเข้มแข็งนะ เมื่อวันที่ 18 เดือนกุมภาพันธ์ปีค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา

โดยในแพดกว่าดังกล่าวได้เสียชีวิตลงในวัยเพียงแค่ 51 ปีซึ่งเขาได้ทำหน้าที่ในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าด้วยความเข้มแข็งซึ่งนายแพทย์หลิวได้เข้ารับการรักษาอาการติดเชื้อเมื่อวันที่ 23 เดือนมกราคมที่ผ่านมาโดยในระหว่างที่มีการรักษาอาการติดเชื้อนั้นเค้าไม่อนุญาตให้เมียของเขาซึ่งเป็นพยาบาลเข้าเยี่ยมเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียวเนื่องจากเค้ากลัวว่าเมียของเค้าจะติดเชื้อไปกับเขาด้วยซึ่งนายแพทย์หลิวได้เสียชีวิตลงหลังจากที่เพิ่งผ่านวันเกิดของเค้าได้เพียงแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น

และเมื่อถึงวันที่ต้องมีการขนย้ายศพของนายแพทย์หลิวออกจากโรงพยาบาลผู้คนต่างก็พบเห็นว่าเมียของนายแพทย์หลิวได้วิ่งตามรถขนศพของนายแพทย์และในขณะที่วิ่งตามรถเธอก็ร้องไห้น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสายเสียงดังระงมไปทั่วสร้างความสลดใจกับผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมาก

ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ได้มีการถ่ายคลิปเอาไว้แล้วนำมาโพสต์แชร์ต่อกันไปจนเป็นข่าว และสำหรับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นต่างก็รู้สึกเศร้าและเสียใจกับภาพที่เกิดขึ้นกันเป็นอย่างมากโดยทุกๆคนต่างก็พยายามปลอบใจและให้กำลังใจซึ่งกันและกันให้ผ่านเรื่องราวเลวร้ายครั้งนี้ไปให้ได้ ซึ่งการที่ทางการแพทย์จีนต้องสูญเสียในแพทย์ที่ดีและมีความสามารถไปงั้นทำให้หลายคนสูญเสียกำลังใจเป็นอย่างมากแต่อย่างไรก็ตามทุกๆคนก็ยังต้องพยายามสู้ต่อไปสำหรับการจัดการศพของนายแพทย์เร็วในครั้งนี้ได้มีญาติญาติหมอและพยาบาลที่เคยร่วมงานกับนายแพทย์หลิวไปร่วมไว้อาลัยให้กับนายแพทย์หรือเป็นครั้งสุดท้าย